วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เข้าห้องน้ำ เข้าใจ

ตื่นเช้าขึ้นมาถ้าได้เข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตา ชำระร่างกาย และปลดทุกข์หนักเบา โดยเฉพาะทุกข์หนักเนี่ยถ้าออกได้จะรู้สึกว่าโล่งตัวมากมาย สามารถเดินร้องเพลงออกจากห้องน้ำได้เลย เว้นแต่วันไหนที่เราเร่งรีบ หรือท้องผูก วันนี้เราจะแบกความทุกข์ไว้ทั้งวัน ถ้าเป็นอย่างนี้ประจำอาจไม่เป็นผลดีร่างกาย จิตใจ และก่อให้เกิดโรคเรื้อรังได้
เห็นไหมว่าทุกวันคนเราต้องปลดปล่อย สิ่งสกปรกหรือทุกข์ทิ้งซะบ้าง (ทุกข์นะคะไม่ใช่แสตมป์ 7 จะได้เก็บสะสมไว้) เพราะความทุกข์มันมีเข้ามาเกือบทุกวันจะมากจะน้อยอยู่ที่เรารับมา แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมใช้เวลาในห้องน้ำแตกต่างกัน บางคนนานแสนนาน บางคนเหมือนวิ่งผ่านน้ำ แสดงให้เห็นว่าคนเรามีปริมาณและขนาดของสิ่งสกปรกหรือทุกข์ไม่เท่ากัน คนที่ใช้เวลานานเปรียบเสมือนคนมีทุกข์ แต่ปลดปล่อยยากเหลือเกิน อ่านหนังสือ ฟังเพลง พูดคุยกับใครต่อใคร แม้กระทั่งคุยกับตัวเองก็แล้วทุกข์ก็ยังออกไม่หมดสักทีแถมบางทีมีน้ำตาเพิ่มมาหนึ่งถังเอาไว้ใช้เวลาน้ำไม่ไหล กว่าเราจะปลดทุกข์ได้ต้องใช้ทั้งสมาธิสติหาสาเหตุของทุกข์ ลองถามตัวเองว่าทุกข์นั้นเราแก้ไขได้ไหม ถ้าแก้ได้ก็รีบแก้ไขซะ เหมือนเวลาเราท้องผูกต้องหาวิธีเอามันออกให้ได้ ทั้งดื่มน้ำ นมเปรี้ยว ผลไม้ ออกกำลังกาย กินยาถ่าย ถ้ายังไม่ได้อีกถึงขั้นต้องสวนทวารเลยที่เดียว แต่ถ้าสาเหตุของทุกข์เหนือการควบคุมหรือการแก้ไข จงทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วถือเป็นบทเรียนแล้วค่อยๆปล่อยและว่างทุกข์นั้น บอกตัวเองเสมอว่า
“ทุกข์นั้นจะไม่หนัก ถ้าเราไม่หยิบมาแบกไว้”
คนเราต้องปลดทุกข์ทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดีของกายและใจ

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เข้าครัว เข้าใจ

สำหรับคนที่เข้าครัวเป็นประจำจะรู้ว่า การทำอาหารแต่ละจานนั้นได้สอนอะไรเรามากมาย คงไม่ใช่แค่ได้อาหารมาทาน ลองมาดูกันว่าเข้าครัวแล้วได้รู้จักกับอะไรบ้าง

1. สำรวจ คิด วางแผน (ก่อนทำต้องมาสำรวจตู้เย็นว่ามีอะไรบ้าง คิดเมนูมื้อนี้ และวางแผนการประกอบอาหาร)
2. การประยุกต์และปรับดัดแปลง (อาหารชนิดเดียวกันเมื่ออยู่ต่างที่อาจต้องปรุงให้ต่างรสให้เหมาะกับสถานการณ์และผู้คนที่ทาน)
3. ลำดับขั้นตอน (เราต้องรู้ก่อนว่าสิ่งไหนสุกเร็วสุกช้า ไม่อย่างนั้นอาจได้กินทั้งสุกทั้งดิบใน 1 จาน)
4. การกะประมาณ (เครื่องปรุงที่ใส่ลงไปมีหลายอย่าง ดังนั้นต้องใส่ให้พอเหมาะ ถ้าไม่ชำนาญอาจต้องมีการตวงก่อนหรือชิมบ่อยๆ แต่เมื่อเรียนรู้บ่อยๆเราจะค้นพบสูตรของเราเอง)
5. ใจเย็นและรอคอย (แน่นอนว่าการทอดปลาคงพลิกบ่อยๆไม่ได้ อาจเป็นปลาป่นถ้าใจ
ร้อน)
6. เอาใจใส่ (การนึ่งข้าวต้องแวะเวียนมาดูบ่อยๆ ไม่งันอาจได้กินข้าวไหม้หรือหม้อไหม้ได้)
7. กล้าเผชิญกับความจริง (ก่อนให้คนอื่นทาน เราต้องชิมก่อน พูดง่ายๆถ้ามียาพิษเราตายก่อน)
8. การรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง (เมื่อทำเสร็จต้องเก็บ กวาด ล้าง ทำความสะอาด ให้กลับมาเป็นครัวเหมือนเดิม)
9. การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น (ไม่ว่าจะเป็นคำติ หรือคำชม น้อมรับ ติเพื่อก่อให้ดีขึ้น ชมเพื่อให้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ต่อไป)
10. รู้จัก ค้นคว้า แสวงหา ความรู้ใหม่ๆ (ฝึกเรียนรู้อาหารหลากหลายสไตล์ ค้นหาสูตรที่ดีและมีคุณค่าให้กับผู้ทาน)

ที่สำคัญคือความปราถนาดีต่อผู้อื่น เราทำอาหารก็เพื่อให้ผู้ทานได้อิ่ม อร่อย สามารถดำรงชีวิตได้ ฉะนั้นต้องทำด้วยจิตใจที่ดี อาหารอาจเป็นยาพิษได้ถ้าทำด้วยหน้าที่เท่านั้น


...ใส่ใจในอาหารทุกจานเพื่อคนที่คุณรัก...

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความรัก

ความรัก เหมือนต้นไม้ที่ต้องการ การดูแล เอาใจใส่ ตกแต่งให้สวยงาม เมื่อต้นไม้ได้รับการดูแลอย่างดีและสม่ำเสมอ มันก็จะออกดอกออกผลให้กับคนดูแลได้ชื่นชม ทั้งนี้ทั้งนั้นมันต้องใช้เวลา ต้นไม้แต่ละต้นมีระยะเวลาเติบโตแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับ ความรักของคนดูแลต้นไม้ต้นนี้...........
เมื่อมีความรัก ทุกคนไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายย่อมต้องการให้คนรัก มีเวลาให้ การ มีเวลาให้ ก็ไม่ได้หมายถึง การอยู่ด้วยกัน 24 ชม. การกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ การดูหนังด้วยกันทุกเรื่อง การเดินช็อปปิ้งด้วยกันทุกอาทิตย์ แต่มันหมายถึง ความเข้าใจ ความห่วงใย และความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก
เพียงแค่ 60วินาทีใน 24 ชม. คุณคิดถึงฉัน
เพียงแค่ 60วินาทีใน 24 ชม. คุณโทร ถามฉัน "ทานข้าวยัง" " ทำไรอยู่ " "เป็นไงบ้าง" และบอกว่า "คิดถึงนะ" " ฝันดี"
เพียงแค่ 60วินาทีใน 24 ชม. คุณส่งข้อความ ภาพถ่ายประทับใจ
เพียงแค่ 60วินาทีใน 24 ชม. คุณยิ้มให้กับฉัน
แค่นี้ก็เหมือนเราอยู่ใกล้กันเหลือเกิน ตราบใดที่เรายังคงรักกันอยู่ เราก็จะอยู่ใกล้กันเสมอ และทุกครั้งที่เราได้เจอกันจริงๆ เวลานั้นจะมีคุณค่า น่าจดจำที่สุด นี้แหละคือ การ มีเวลาให้ กับคนที่คุณรัก เมื่อคนเราอยู่ใกล้กันก็มักจะลืมทำสิ่งเหล่านี้ จะมีสักกี่คู่ที่อยู่ใกล้กันจริงๆแบบนี้ บ้างคนกายใกล้ แต่ใจนั้นห่างกันเหลือเกิน ถ้าคุณรักใครจริงๆ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร คุณจะรู้สึกว่ามีเขาอยู่เคียงข้างเสมอ เพราะคุณไว้ใจ เชื่อใจ และเข้าใจเขา
สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือ ในความเป็นจริง ธรรมชาติของคน จะรักกันมากแค่ไหน คงไม่มีใครอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตได้ ไม่ใครคนใดคนหนึ่งก็ต้องตายจากกันก่อน แต่สิ่งที่จะอยู่กับเราไปตลอด คือ ความทรงจำ และความรักที่เขามีให้เราและเรามีให้เขาต่างหาก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และเรายังรักกันอยู่ คงมีสักวันที่กายและใจจะอยู่ใกล้กัน

รักของดวงจันทร์ต่อตะวัน

ดวงตะวันคือเธอที่แข็งแรง สาดแสงอันแรงกล้า ส่วนฉันเป็นดวงจันทร์ที่อ่อนหวานผุดผ่อง เราทั้งสองห่างกันเหลือเกิน เมื่อไรจะได้พบกันไม่มีวันรู้ ได้แต่ฝากความคิดถึง ห่วงใยไว้ที่ปลายฟ้า ฟ้าจ้าฟ้า ช่วยบอกเขาทีว่ามีคนที่รักอยู่ตรงนี้ ถึงตัวเราจะห่างแต่ใจฉันไม่เคยห่างเธอเลย ดวงตะวันได้รับรู้ ยิ่งทอแสงส่องสว่างไสว เมื่อดวงจันทร์รู้ยิ่งส่องแสงนวลชวนให้ฝันหวาน จดหมายจากฟากฟ้าส่งมาส่งไป ให้ใครๆได้อิจฉา เธอและฉันมีภารกิจส่องแสงเช่นกันแต่ต่างกันแค่กลางวันกับกลางคืน ดวงตะวันนั้นห่วงเหลือเกิน ใครๆก็จ้องแต่ดวงจันทร์เธอชั่งงามอะไรเช่นนี้ ทำให้หัวใจใครต่อใครนั้นล่องลอยไปตามแสงจันทร์ ดวงจันทร์ให้คำมั่นกับตะวันว่า ฉันนี้พร้อมมอบใจให้เธอเพียงผู้เดียวจะหมั่นฝากความรักไปกับท้องนภาทุกเมื่อ ใครๆคนนั้นก็ได้แต่มองฉันเท่านั้นหาได้ดวงใจฉันไม่ อย่าห่วง อย่ากลัวเลย......
แต่แล้วดวงตะวันกลับกลัวการสูญเสียเพราะไม่มีวันที่จะได้เธอมาเคียงคู่ ตะวันได้หายไป ไร้ซึ่งข้อความที่ปลายฟ้า ดวงจันทร์เฝ้ารอ รอ รอ จนท้อและเหนื่อยล้า แสงเริ่มอ่อน ท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มมืดมัว ไฉนตะวันจากไปไม่ร่ำลา อยากให้ตะวันรู้ว่าฉันไม่ได้ต้องการให้เธอกลับมารักเช่นดังเดิม แต่ขอเพียงได้รู้ข่าวคราวของเธอบ้างว่าสุขสบายหรือไม่ หากเธอทุกข์เมื่อใดช่วยฝากข้อความไว้ที่ปลายฟ้า สักวันดวงจันทร์จะแข็งแรงขึ้น พร้อมส่องแสงอีกครั้ง เพราะภารกิจฉันต้องสร้างความสุขให้ใครๆที่มีรักต่อดวงจันทร์ เมื่อใดฉันมืดหม่น คงมีใครอีกหลายคนที่เศร้าใจ......
หวังว่าสักวันคงได้เป็นเพื่อนกับดวงตะวัน

อยากรัก

ประโยคที่ว่าคนในอยากออกคนนอกอยากเข้าืคงยังใช้ได้กะเรื่องความรัก มีคนเตือนแล้วเชี่ยว แต่ใครๆก็อยากรักดูเพราะคำนี้ฟังแล้วน่าจะมีความสุขแน่ๆ ใครเคยสัมผัสถึงรักก็จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งสวยงามจริงๆกับการที่เรามีใครสักคนอยู่เคียงข้าง ข้างใจเรา เมื่อเล่าให้ใครฟังก็อยากจะมี "ความรัก" ก่อนจะมีรักถามตัวเองก่อนว่าพร้อมออกเดินทางยัง เพราะความรักเหมือนการเดินทางที่แสนยาวไกล อาจเจอพายุ ลม ฝน แดด หรือลมเย็นๆ คาดเดาไม่ได้ จะให้คนสองคนเอาขาผูกติดกันไปตลอดกาลเดินคงไม่ได้ อย่าลืมคนเราเกิดมาต่างกัน อาจมีเหมือนกันบาง สิ่งที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้ขอให้เชื่อเถอะมันคือความจริงที่คนริืจะรักต้องเข้าใจ เมื่อคุณมีความรัก มันจะมีทั้งสุขและทุกข์ ไม่มีคู่ไหนไม่เจอปัญหาหรอก เพราะนั้นมันคือบททดสอบ ปัญหาเกิดได้ทั้งจากตัวเราตัวเขาและสิ่งแวดล้อมเพราะในโลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนซักหน่อย บททดสอบนี้มีไว้เพื่อดูว่าคนทั้งสองพร้อมที่จะร่วมสุขและทุกข์ด้วยกันหรือไม่ แต่สิ่งที่ผู้หญิงอย่างฉันต้องการคือคนที่พร้อมร่วมทุกข์หรือฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆไปด้วยกันมากกว่าสุข เพราะความสุขเราสร้างขึ้นมาได้แต่ความทุกข์หรือปัญหามันจะมาตอนไหนไม่มีใครจุดพุ่งบอกหรอก คนที่คบกันมัวแต่หลงกับความสุขลืมเตรียมใจรับปัญหาที่จะเข้ามา ทำให้เจ็บกายปวดใจ...กว่าจะหายต้องใช้เวลานานเชี่ยว ไม่ว่าความรักของคุณในอนาคตจะเป็นอย่างไร จงเตรียมใจยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยสติและสิ่งสำคัญที่เรามองข้ามคือความรักที่มีต่อตัวเอง สุดท้ายจะสมหวังหรือไม่ ก็อย่าทำให้ตัวเองและคนอื่นเป็นทุกข์ กรุณาดูแลหัวใจตัวเองและอย่าลืมคุณเป็นหัวใจของพ่อแม่ด้วย เมื่อคุณพร้อมก็ออกเดินทางได้ อย่าลืมเก็บภาพขณะเดินนะเพราะทั้งสองข้างทางมีอะไรให้เราเรียนรู้อีกเยอะ

ความรักและรักแท้มีอยู่จริงหรือไม่

ความรักและรักแท้มีอยู่จริงหรือไม่
หลายคนตามหาความรักและรักแท้มาตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เจอ เพราะคนเราเป็นนักขี้สงสัยเกิดมาพร้อมสมองหลายหยัก ถ้าเมื่อไรที่คุณรู้จักรักตัวเองและเข้าใจตัวเอง คำตอบคงหาได้ไม่อยากนัก คุณลองหลับตาลงช้าๆ ทำตัวและใจให้นิ่งๆ ถามหัวใจตัวเองว่า เราต้องการอะไร...
ฉันไม่รู้หรอกว่าความรักหมายถึงอะไร เกิดขึ้นได้ยังไง สิ่งที่ฉันรู้คือมันเป็น อารมณ์ ความรู้สึกดีๆทั้งหลายทั้งปวง ที่ทำให้ผู้ให้หรือผู้รับมีความสุขและยิ้มได้ บางครั้งแค่ได้เป็นเพียงผู้ให้ก็พอใจแล้ว... ซึ่งความรักนั้นมีหลากหลายแบบ ความรักแบบ พ่อแม่ลูก พี่ น้อง เพื่อน และคู่รักหรือสามีภรรยา ขึ้นอยู่กับสถานะภาพที่ธรรมชาติสร้างมาหรือกาลเวลาที่แปรเปลี่ยนไป...
อยากมีความสุข คุณต้องกล้าที่จะเปิดรับความรัก เอาชนะความกลัวให้ได้ก่อน


รักแท้มีจริงมั้ย...เป็นไง ... ทุกคนเฝ้ารอ แต่คำตอบมันอยู่ไม่ไกลเลย รักแท้มีอยู่จริงแน่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกไงล่ะ เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข มีแต่ให้ โดยไม่คาดหวังอะไรตอบแทนมากมาย แค่ได้เห็นรอยยิ้มของลูก พ่อแม่ก็เกิดความสุขอิ่มเอมในหัวใจ ลูกจะดี จะร้ายยังไงก็ยังอยู่เคียงข้างเสมอ แม้ว่าในวันหนึ่งลูกจะไม่ได้อยู่ด้วยก็ตาม พ่อแม่สามารถให้ความรักกับลูกได้จนหมดลมหายใจ นี้แหละ รักแท้
รักแท้อาจกล่าวได้ว่า “เป็นความปรารถนาดีให้โดยบริสุทธิ์ใจ และให้ได้ตราบเท่าที่มีลมหายใจ” ทุกคนสามารถมีรักแท้ได้ถ้ารู้จักที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
ดังนั้น การตามหารักแท้จึงอาจเป็นเรื่องยาก อาจต้องใช้เวลาค้นหาตามหาทั้งชีวิต และอาจจะรู้ว่ามีรักแท้ เมื่อรักแท้นั้นหมดลมหายใจก็ได้


ณ. วันนี้ที่คุณมีความรัก ไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหน คุณควรเริ่มรักตัวเองก่อน เมื่อคุณรักตัวเองและเข้าใจตัวเอง คุณก็จะสามารถตอบได้ว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วคุณก็จะทำแต่สิ่งดีๆให้กับตัวเอง... คงไม่ยากนักที่จะมอบความรักให้ใครสักคน...
ส่วนรักแท้ของหนุ่มสาวคงไม่ต่างจากนี้ไปมากนัก แต่อย่าลืมว่าเราเกิดกันต่างที่ต่างถิ่น ต่างพ่อต่างแม่ จะให้มีรักแท้เหมือนที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้นยาก เพราะความรักของหนุ่มสาวมักมีเงื่อนไข แต่ถ้าเมื่อไรฉันและเธอสามารถตอบสนองเงื่อนไขของกันและกันได้อย่างเหมาะและสมดุล คงไม่ยากที่จะเจอรักแท้ อาจกล่าวได้ว่ารักแท้ของหนุ่มสาวคือ ความรักที่เกิดจาก ความไว้ใจ เชื่อใจ ความเข้าใจ ความซื่อสัตย์ และการยอมรับความจริง พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆด้วยหัวใจและสมองของฉันและเธอ ต่างคนก็ต่างพร้อมเป็นได้ทั้งผู้ให้และผู้รับที่ดี นั้นอาจกล่าวได้ว่าคุณเจอรักแท้แล้วก็ได้
เมื่อไรคนมีความรักเจอกัน ต้องใช้เวลาศึกษากันและกันจนได้คำตอบว่ารักแบบไหน แค่เพื่อน แค่พี่ แค่น้อง หรือคู่รักที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกัน เมื่อคุณตัดสินใจเลือกใครสักคนเป็นคู่ชีวิต ต้องยอมรรับความเป็นตัวตนของกันและกัน อย่างไร ก็ตามสิ่งที่คุณต้องยอมรับและปฏิเสธไม่ได้คือ การเสียสละ แต่ไม่ได้หมายถึงการเสียความเป็นตัวเอง อาจต้องเสียสละเวลา เสียสละเงินทอง เสียสละความเป็นส่วนตัวบาง ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ เสียสละด้านความคิดที่จะคิดถึงใครอีกคนก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ยอมที่จะปรับให้สมดุล และการกล้าหันหน้า เผชิญหน้าจับเข่าคุยกันนั้นเพื่อสร้างความเข้าใจ....เราจะอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจและความเมตตาต่อกัน ใช่เพียงความรักอย่างเดียวเท่านั้น


วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

เตือนใจ

จงกระทำการใดๆด้วย
สติ คือ การรู้สึกตัว รู้ว่ากำลังทำอะไร
ปัญญา คือ ความรอบรู้เหตุและผล รู้ดีรู้ชั่ว รู้สิ่งควรทำควรเว้น

คนเรานั้นเก่งมีสมองไว้คิดทำนั้นทำนี้มากมาย
แต่น่าเวทนาเมื่อขาดสติและปัญญา มักไม่รู้ว่า
การกระทำที่ก่อเกิดจากความคิดนั้นถูกต้องหรือไม่
ตกเป็นทาสของความคิดและมักเข้าข้างความคิดของตนว่าถูกต้อง
จะรู้สึกดีใจหรือเสียใจกับการกระทำเมื่อสติมาปัญญาเกิด

ความคิดนั้นนำพาไปสู่กระกระทำ ดีหรือไม่ดี อยู่ที่เราเลือก
เมื่อคิดบวกมักก่อให้เกิดสุข แต่คิดลบจิตใจยิ่งหม่นหมอง
อย่างไรก็ตาม การกระทำที่เกิดจากการคิดบวก ใช่สิ่งดีเสมอไป
การคิดบวกเพียงสนองความต้องการและความสุขของตน
อาจนำพาความทุกข์ไปสู่ผู้อื่น...จงใคร่ครวญให้ดีก่อนลงมือทำ


การกระทำบางอย่างของเราอาจทำแล้วตนเป็นสุขแต่อาจทำให้ใครเป็นทุกข์
การกระทำของเราทุกการกระทำมักส่งผลต่ออนาคตเสมอ
จะดีหรือร้าย ก็อยู่ที่การกระทำในวันนี้